เครื่องฟอกอากาศ 101: คู่มือถอดรหัส CADR, HEPA (อ่านจบใน 5 นาที)
ยินดีต้อนรับสู่ Akatdee.com ครับ!
คุณกำลังปวดหัวกับตัวย่อแปลกๆ เวลาเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศใช่ไหมครับ? CADR, HEPA, PM2.5, Ionizer... ผู้ขายต่างก็อ้างว่าของตัวเองดีที่สุด แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือ "ของจริง" และอะไรคือ "การตลาด"?
ในฐานะ "นักวิเคราะห์ข้อมูล" (Expert Analyst) เราเชื่อว่า "ความรู้คืออาวุธที่ดีที่สุด" ของผู้บริโภค
บทความนี้คือ "คู่มือ 101" ที่จะถอดรหัสสเปคที่ "สำคัญที่สุด" 3 อย่างของเครื่องฟอกอากาศแบบง่ายๆ (และเจาะลึก) เมื่อคุณอ่านจบ คุณจะ "ฉลาดกว่า" ผู้ซื้อ 90% และสามารถเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับคุณจริงๆ ได้... โดยไม่ต้องจ่ายแพงเกินความจำเป็นครับ
1. หัวใจสำคัญ: เครื่องฟอกอากาศทำงานยังไง (ฉบับง่าย)
อย่าเพิ่งไปสนสเปคครับ ให้เข้าใจหลักการง่ายๆ นี้ก่อน
เครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่ (แบบที่เราจะโฟกัส) ทำงานเหมือน "เครื่องกรองน้ำ" แต่อยู่ในอากาศครับ:
- ดูด (Suck): ใช้พัดลม "ดูด" อากาศที่มีฝุ่น, PM2.5, ขนสัตว์, หรือเกสรดอกไม้ เข้าไปในตัวเครื่อง
- กรอง (Filter): บังคับให้อากาศนั้น "วิ่งผ่าน" แผ่นกรองความละเอียดสูง (นี่คือส่วนที่เรียกว่า HEPA)
- ปล่อย (Release): ปล่อย "อากาศที่สะอาดแล้ว" กลับออกมาหมุนเวียนในห้อง
ง่ายๆ แค่นี้เลยครับ แต่ "ประสิทธิภาพ" ของมัน ถูกวัดด้วย 2 ค่าหลัก... นั่นคือ CADR และ HEPA
2. ถอดรหัส 3 ทหารเสือ: CADR, HEPA, Ionizer
นี่คือ 3 คำที่คุณต้อง "เข้าใจ" ให้ทะลุปรุโปร่งก่อนจ่ายเงิน
1. CADR: "พลัง" ของเครื่อง (คุณต้องการพลังแค่ไหน?)
มันคืออะไร: CADR ย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate
แปลง่ายๆ: มันคือ "อัตราการส่งอากาศสะอาด" หรือพูดให้ง่ายกว่านั้นคือ "เครื่องนี้ฟอกอากาศได้เร็วและแรงแค่ไหน"
ทำไมถึงสำคัญที่สุด: นี่คือ "หน่วยวัดพลัง" ที่เป็นมาตรฐานสากลครับ ถ้าจะเทียบเครื่องปรับอากาศเราดู "BTU" ถ้าจะเทียบเครื่องฟอกอากาศ... เราดู "CADR"
หน่วยของมัน: จะมี 2 แบบคือ `CFM` (ลูกบาศก์ฟุต/นาที) หรือ `m³/h` (ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง) (ในไทยจะฮิต m³/h มากกว่า)
Akatdee's Note (ข้อควรรู้):
ยิ่งค่า CADR สูง = ยิ่งฟอกอากาศได้เร็ว = ยิ่งเหมาะกับห้องที่ใหญ่ขึ้น
อย่าโดนหลอก! หลายแบรนด์ (โดยเฉพาะแบรนด์จีนโนเนม) จะโฆษณาว่า "เหมาะสำหรับห้อง 60 ตร.ม." แต่ไม่ยอมบอกค่า CADR... นั่นคือสัญญาณอันตรายครับ!
2. HEPA: "หัวใจ" ของเครื่อง (คุณต้องการไส้กรองเกรดไหน?)
มันคืออะไร: HEPA ย่อมาจาก High-Efficiency Particulate Air
แปลง่ายๆ: มันคือ "แผ่นไส้กรอง" ที่เป็นหัวใจหลักในการดักจับฝุ่นจิ๋ว PM2.5
ทำไมถึงสำคัญ: ถ้า CADR คือ "พลัง" HEPA ก็คือ "คุณภาพ" ครับ เครื่องที่ CADR สูงแต่ไส้กรองห่วย ก็เหมือนเครื่องดูดฝุ่นที่ไม่มีถุงเก็บฝุ่น... มันแค่พ่นอากาศแรงๆ แต่ไม่สะอาดจริง
เกรดที่ต้องรู้ (สำคัญมาก!):
- HEPA-like / HEPA-type: นี่คือ "คำการตลาด" ครับ แปลว่า "คล้ายๆ" แต่ "ไม่ใช่" HEPA จริง มันอาจจะกรองได้แค่ฝุ่นใหญ่ๆ แต่เอา PM2.5 ไม่อยู่
- True HEPA (H13-H14): นี่คือ "ของจริง" ครับ
- H13 (เกรดที่นิยมที่สุด): ดักจับอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน (เล็กกว่า PM2.5 มาก) ได้ที่ 99.95%
- H14 (เกรดโรงพยาบาล): ดักจับได้ 99.995% (มักจะแพงมากและอาจไม่จำเป็นสำหรับบ้านทั่วไป)
Akatdee's Note (ข้อควรรู้):
สำหรับการสู้ฝุ่น PM2.5 ในบ้าน... จงมองหาคำว่า "True HEPA H13" เป็นอย่างน้อยครับ ถ้าผู้ขายบอกแค่ว่า "ไส้กรอง HEPA" แต่ไม่บอก "เกรด" (H11, H12, H13?) ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะไม่ใช่เกรดที่ดีที่สุด
3. Ionizer (ประจุลบ): "ตัวเสริม" ที่อาจไม่จำเป็น
มันคืออะไร: บางรุ่น (เช่น Sharp จะเรียกว่า Plasmacluster) จะมีฟีเจอร์ "ปล่อยประจุไฟฟ้า" (บวกและลบ) ออกมาในอากาศ
หลักการ (ที่เขาอ้าง): ประจุเหล่านี้จะไป "จับ" กับฝุ่นในอากาศ ทำให้ฝุ่นหนักขึ้นและ "ตกลงสู่พื้น" (แทนที่จะลอยเข้าจมูกเรา) หรือบางทีก็ช่วยฆ่าเชื้อโรค/กลิ่น
ข้อดี: ช่วยเรื่อง "กลิ่นอับ" หรือ "เชื้อรา" ได้บ้าง
ข้อควรระวัง (ใหญ่มาก):
กระบวนการปล่อยประจุนี้ "อาจ" ก่อให้เกิดก๊าซ "โอโซน" (Ozone / O3) ออกมาในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งก๊าซโอโซนนี้... ก็เป็นมลพิษตัวหนึ่งที่ระคายเคืองปอดครับ! (โดยเฉพาะกับคนเป็นหอบหืด)
Akatdee's Note (ข้อควรรู้):
Ionizer ไม่ใช่ฟีเจอร์ "จำเป็น" ในการกรอง PM2.5 (เพราะ HEPA H13 ทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว)
ถ้าคุณจะเลือกรุ่นที่มี Ionizer:
- ต้อง "ปิด" มันได้ (เลือกเปิด-ปิดฟีเจอร์นี้ได้อิสระ)
- เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมี "ใบรับรอง" ว่าปล่อยโอโซนต่ำมาก (Low-Ozone Certified)
3. สรุป: แล้วต้องดูอะไรก่อน?
เวลาคุณอ่านสเปคจากนี้ไป ให้จัดลำดับความสำคัญในใจแบบนี้ครับ:
- ขนาดห้องของคุณ? (รู้ขนาดห้องตัวเองก่อน)
- CADR เท่าไหร่? (ดูว่าพลังมัน "พอ" กับขนาดห้องคุณหรือไม่)
- ไส้กรองเกรดไหน? (ต้องเป็น "True HEPA H13" ขึ้นไป)
- *(ค่อยดูอย่างอื่น)* เช่น เสียง (dB) ตอนโหมด Sleep, ค่าไฟ (Watts), และฟีเจอร์เสริม (เช่น Ionizer หรือการเชื่อมต่อแอป)
ก้าวต่อไป: คำนวณ CADR ให้เป็น
ตอนนี้คุณ "ฉลาด" ขึ้นมากแล้ว! คุณเข้าใจ 3 คำศัพท์หลักที่ผู้ขายใช้กันแล้ว
แต่อาจจะมีคำถามต่อว่า... "แล้วห้องนอนฉัน ต้องใช้ CADR เท่าไหร่กันแน่?"
นั่นคือ "ก้าวต่อไป" ที่สำคัญที่สุดครับ เราได้เตรียมบทวิเคราะห์เชิงลึกไว้ให้คุณแล้วในหน้าถัดไป
(คลิก) ไปหน้า: วิธีคำนวณ CADR ให้พอดีห้อง